ถึงเวลาแล้วที่เราควรหันมามอง “เห็ดเข็มทอง” ในแง่มุมใหม่ เพราะนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า แค่เพิ่มเห็ดเข็มทองในมื้ออาหารทุกวัน เราก็จะได้อาหารเพื่อสุขภาพที่สามารถเนรมิตหุ่นเราให้ผอมเพรียว และมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
เห็ดเข็มทอง เดิมเป็นเห็ดที่ขึ้นบนตอไม้ตามธรรมชาติในเขตหนาว สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศที่เป็นน้ำแข็งจนกระทั่งน้ำแข็งละลาย จึงเรียกอีกชื่อว่า เห็ดเหมันต์ (Winter Mushroom) เห็ดเข็มทองที่ขึ้นตามธรรมชาติจะมีดอกขนาดเล็กและก้านสั้น ส่วนเห็ดเข็มทองเพาะที่วางจำหน่ายในท้องตลาดจะมีดอกเล็ก ก้านยาว และขึ้นรวมกันเป็นกระจุก เนื่องมาจากเทคนิคในการผลิต เพื่อให้ได้ปริมาณและน้ำหนักที่ดี ง่ายต่อการเก็บดอก การบรรจุ และการขนส่ง รสหวานอร่อยตามธรรมชาติของเห็ดเข็มทองเกิดจากกรดกลูตามิก (Glutamic acid) ซึ่งเป็นสารประกอบชนิดเดียวกับที่พบในผงชูรส และแม้จะเป็นอาหารดั้งเดิมในแถบเอเชียตะวันออกอย่างจีนและญี่ปุ่น แต่ด้วยรสชาติคล้ายผักและกลิ่นไม่จัดของเห็ดเข็มทอง ทำให้สามารถเข้ากับอาหารไทยหลายชนิดได้ดี
มีงานวิจัยออกมามากมายว่า ถ้ารับประทานเห็ดเข็มทองที่อุดมไปด้วยส่วนประกอบดังกล่าว ไคโทซานเห็ดจะช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น เมื่ออุจจาระถูกขับออกมา และสภาพในลำไส้ปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพ ทั้งน้ำหนักลดลง เอวคอดขึ้น สิวฝ้าลดลง ผิวพรรณมีน้ำมีนวลขึ้น ถ้ากินเป็นประจำ จะช่วยรักษาโรคตับ โรคกระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรังได้ เห็ดเข็มทองมีสารเฟรมมูลิน (Flammulin) ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเยื่อบุช่องท้อง(Ehrlich) และเซลล์มะเร็ง Sarcoma 180 ในหนูขาว ได้ผลถึง 81.1-100% และมีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของสิ่งมีชีวิต จากการศึกษาของญี่ปุ่นพบว่า คนที่มีเชื้อมะเร็งแล้วกินเห็ดเข็มทองเป็นประจำจะมีโอกาสรอดจากการเสียชีวิต 40% คุณค่าทางโภชนาการของเห็ดเข็มทอง มี โปรตีน 25%, ไขมัน 1%, แป้ง 53%, เยื่อใย 12%, เถ้า 8%, วิตามินบี 1, วิตามินบี, วิตามินซี และ arginine
ตามปรกติการกินเห็ดทุกชนิดมักจะต้องปรุงสุกก่อน แต่มีผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าเห็ดเข็มทองสามารถกินสดๆได้โดยไม่ต้องผ่านการปรุง แต่อย่างไรก็ตามควรกินเห็ดที่ปรุงสุกโดยผ่านความร้อนไม่สูงมาก เช่น ลวก จะได้ประโยชน์มากกว่าการปรุงด้วยความร้อนนานๆ และทางที่ดีควรนำเห็ดมาปรุงอาหารโดยไม่ใช้น้ำมัน จะได้คุณค่าทางอาหารมากกว่า
“ปัจจุบันที่เมืองนะกะโนะ ประเทศญี่ปุ่นกำลังนิยมกิน “น้ำแข็งเห็ด” ซึ่งคิดค้นโดยฮิโระฟุมิ อะโตะ นายกสมาพันธ์สหกรณ์การเกษตรแห่งเมืองนะกะโนะ รสชาติของเห็ดเข็มทองเมื่อเป็นน้ำแข็งเห็ดจะยิ่งกลมกล่อมและเข้มข้นขึ้น เมื่อนำไปใส่อาหารจะทำให้มีเนื้อมีหนังมากขึ้น รสชาติอร่อยถ้าใส่ในซุปมิโซะกินทุกวัน ผ่านไป 3 เดือน เอวกางเกงจะหลวมขึ้นทันตาเห็นทีเดียว”
“น้ำแข็งเห็ด” นอกจากกินง่ายสบายท้องแล้ว ยังมีข้อดีที่ไม่ควรมองข้ามคือเส้นใยอาหารที่แข็งแรงของเห็ดเข็มทองจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้น และจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่มีสรรพคุณทางยามากกว่าปรุงแบบธรรมดา
มีงานวิจัยออกมามากมายว่า ถ้ารับประทานเห็ดเข็มทองที่อุดมไปด้วยส่วนประกอบดังกล่าว ไคโทซานเห็ดจะช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น เมื่ออุจจาระถูกขับออกมา และสภาพในลำไส้ปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพ ทั้งน้ำหนักลดลง เอวคอดขึ้น สิวฝ้าลดลง ผิวพรรณมีน้ำมีนวลขึ้น ถ้ากินเป็นประจำ จะช่วยรักษาโรคตับ โรคกระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรังได้ เห็ดเข็มทองมีสารเฟรมมูลิน (Flammulin) ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเยื่อบุช่องท้อง(Ehrlich) และเซลล์มะเร็ง Sarcoma 180 ในหนูขาว ได้ผลถึง 81.1-100% และมีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของสิ่งมีชีวิต จากการศึกษาของญี่ปุ่นพบว่า คนที่มีเชื้อมะเร็งแล้วกินเห็ดเข็มทองเป็นประจำจะมีโอกาสรอดจากการเสียชีวิต 40% คุณค่าทางโภชนาการของเห็ดเข็มทอง มี โปรตีน 25%, ไขมัน 1%, แป้ง 53%, เยื่อใย 12%, เถ้า 8%, วิตามินบี 1, วิตามินบี, วิตามินซี และ arginine
ตามปรกติการกินเห็ดทุกชนิดมักจะต้องปรุงสุกก่อน แต่มีผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าเห็ดเข็มทองสามารถกินสดๆได้โดยไม่ต้องผ่านการปรุง แต่อย่างไรก็ตามควรกินเห็ดที่ปรุงสุกโดยผ่านความร้อนไม่สูงมาก เช่น ลวก จะได้ประโยชน์มากกว่าการปรุงด้วยความร้อนนานๆ และทางที่ดีควรนำเห็ดมาปรุงอาหารโดยไม่ใช้น้ำมัน จะได้คุณค่าทางอาหารมากกว่า
“ปัจจุบันที่เมืองนะกะโนะ ประเทศญี่ปุ่นกำลังนิยมกิน “น้ำแข็งเห็ด” ซึ่งคิดค้นโดยฮิโระฟุมิ อะโตะ นายกสมาพันธ์สหกรณ์การเกษตรแห่งเมืองนะกะโนะ รสชาติของเห็ดเข็มทองเมื่อเป็นน้ำแข็งเห็ดจะยิ่งกลมกล่อมและเข้มข้นขึ้น เมื่อนำไปใส่อาหารจะทำให้มีเนื้อมีหนังมากขึ้น รสชาติอร่อยถ้าใส่ในซุปมิโซะกินทุกวัน ผ่านไป 3 เดือน เอวกางเกงจะหลวมขึ้นทันตาเห็นทีเดียว”
“น้ำแข็งเห็ด” นอกจากกินง่ายสบายท้องแล้ว ยังมีข้อดีที่ไม่ควรมองข้ามคือเส้นใยอาหารที่แข็งแรงของเห็ดเข็มทองจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้น และจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่มีสรรพคุณทางยามากกว่าปรุงแบบธรรมดา
เป็นข่าวดีของคนชอบกินเห็ด รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมที่จะเริ่มใส่ใจสุขภาพด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งออกกำลังกายเป็นประจำด้วยนะคะ ^___^"
ขอขอบคุณรูปภาพและที่มาจาก
-http://www.manager.co.th/GoodHealth/ViewNews.aspx?NewsID=9580000053117
-นิตยสารสุขภาพดี และWWW.IST.CMU.AC.TH/KM/ARTICLEBIOTECH/BIOTECH-003.PDF
-https://prayod.com/เห็ดเข็มทอง-golden-needle-mushroom/
-https://mbasic.facebook.com/135957369811772/photos/a.397486816992158.91519.135957369811772/439033986170774/?type=1&p=10
-www.gourmetropolis.com/product_detail.php?id=506&cat=vegetable&typ=mushroom&language=TH
ขอขอบคุณรูปภาพและที่มาจาก
-http://www.manager.co.th/GoodHealth/ViewNews.aspx?NewsID=9580000053117
-นิตยสารสุขภาพดี และWWW.IST.CMU.AC.TH/KM/ARTICLEBIOTECH/BIOTECH-003.PDF
-https://prayod.com/เห็ดเข็มทอง-golden-needle-mushroom/
-https://mbasic.facebook.com/135957369811772/photos/a.397486816992158.91519.135957369811772/439033986170774/?type=1&p=10
-www.gourmetropolis.com/product_detail.php?id=506&cat=vegetable&typ=mushroom&language=TH
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น