วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วิธีการใหม่ในการเพาะเห็ดโดยไม่ต้องใช้หม้อนึ่งและตู้เขี่ยเชื้อ

วันนี้มีความรู้ใหม่ๆมาฝากนะคะ คือวิธีการเพาะเห็ด โดยไม่ต้องใช้หม้อนึ่ง และตู้เขี่ยเชื้อ แต่ใช้น้ำยาล้างแผลไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide; H2O2)แทน ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทั่วโลกเขาหันมาใช้กัน   ลองมาอ่านดูบทความจาก ดร.ธัญญา ทะพิงคแก ที่ได้นำวิธีการนี้มาเพาะเห็ดถังเช่าซึ่งเป็นเห็ดราคาแพง เผื่อมีหลายคนอาจนำวิธีการไปลองปฎิบัติดูนะคะ ^ ^"


เชื้อเห็ดจัดว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเพาะเห็ด มีคนมากมายที่มีความสนใจ จะเพาะเห็ดไว้บริโภคเอง หรือเพื่อสร้างรายได้เป็นอาชีพ แต่เนื่องจากเชื้อเห็ดที่จะนำมาเพาะนั้นหาซื้อได้ยากในบางพื้นที่ หรือที่มีขายก็มักจะไม่ต่อยมีคุณภาพที่แน่นอน ทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่สม่ำเสมอ เกษตรน้อยรายนักที่จะผลิตเชื้อเห็ดขึ้นเอง เพราะใช้ทุนทรัพย์ค่อนข้างสูง ต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นหลายอย่าง เช่น หม้อนึ่งความดัน ตู้เขี่ยเชื้อ ห้องที่สะอาด และต้องใช้เทคนิคปลอดเชื้อ เพื่อควบคุมการปนเปื้อน จากเชื้อจุลินทรีย์อื่น ซึ่งผู้ปฎิบัติต้องมีการเรียนรู้และฝึกปฎิบัติจึงจะสามารถทำได้ ดังนั้นจึงมีความพยายามที่จะกาวิธีการผลิตเชื้อเห็ดแบบง่ายโดยใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่มีอยู่ในท้องถิ่น และมีต้นทุนในการผลิตต่ำ

ดร.ธัญญา ทะพิงค์แก ได้พัฒนาวิธีการเพาะเห็ดแบบง่าย โดยที่วัสดุเพาะเห็ดไม่จำเป็นต้องผ่านการฆ่าเชื้อด้วยหม้อนึ่งความดัน แต่ใช้น้ำยาล้างแผลไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide; H2O2) ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไปในการควบคุมการปนเปื้อนจากเชื้อแปลกปลอม และใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าในการเตรียมวัสดุเพาะเห็ด นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาเชื้อเห็ดน้ำโดยใช้วัสดุขวดน้ำพลาสติกที่ใช้แล้วแทนไบโอรีแอคเตอร์ซึ่งมีราคาแพงในการผลิต เชื้อเห็ดน้ำสามารถนำมาใช้แทนเชื้อเมล็ดข้าวฟ่างแบบเดิมที่ใช้กัน วิธีการที่พัฒนาขึ้นมานี้สามารถใช้เพาะเห็ดได้หลายชนิด เช่น เห็ดในตระกูลถังเช่า (ถังเช่าสีทอง, ถังเช่าหิมะ, เห็ดจักจั่น) เห็ดหัวลิง เห็ดหลินจือ เห็ดนางฟ้า นางรม เห็ดฟาง เห็ดหูหนู เห็ดโคนญี่ปุ่น เห็ดนางรมหลวง เป็นต้น

ซึ่งเมื่อหลายปีก่อน ดร. ธัญญา ทะพิงค์แก คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มีผลงานด้านการเพาะเห็ดถังเช่า เพื่อใช้เป็นอาหารและยา โดยใช้เชื้อเห็ดถังเช่าทิเบตมาขยายพันธุ์แบบง่ายๆ พร้อมทั้งจัดฝึกอบรมให้แก่เกษตรกรและผู้สนใจจำนวนมาก จนสามารถนำไปประกอบอาชีพเป็นรายได้แก่ครอบครัวในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ สำหรับผลงานใหม่ที่นำเสนอในปีนี้คือ เห็ดถังเช่าสีทอง

ดร. ธัญญา ทะพิงค์แก เล่าให้ฟังว่า เห็ดถังเช่าสีทองนั้นมีการเพาะกันมานานหลายสิบปีแล้ว ที่ประเทศจีน เช่น บริษัท เจียวสู เจียงหนาน ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น บริษัท ไบโอเกน แต่ละบริษัทผลิตจำหน่ายเดือนละหลายตัน มีผู้บริโภคเห็ดถังเช่ากันมาก เนื่องจากเห็ดถังเช่ามีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ด้วยคุณสมบัติที่ดีหลายประการและหายาก ทำให้เห็ดถังเช่ามีราคาแพง ราคากิโลกรัมละ 3 แสนบาทขึ้นไป จนได้สมญาว่า ทองคำแห่งสมุนไพรจีน ทำให้มีเห็ดถังเช่าปลอมหรือมีสิ่งอื่นเจือปน หากทุกคนได้เรียนรู้และปฏิบัติด้วยตนเอง ก็สามารถบริโภคและจำหน่ายได้ในราคาไม่แพงนัก

เห็ดถังเช่าสีทองสามารถเพาะได้ด้วยการใช้แมลงหลายชนิด ตัวหนอนหรือดักแด้ไหม หรือใช้อาหารสังเคราะห์ ชักนำให้ออกเป็นดอกเห็ดในที่อากาศเย็น หากผลิตเป็นอุตสาหกรรมก็สามารถใช้เมล็ดธัญพืชทดแทนแมลงหรือตัวหนอนได้ แต่ในที่นี้ขอแนะนำเกษตรกรผลิตแบบครัวเรือนเพื่อใช้บริโภคคือ ใช้เมล็ดธัญพืชที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น ใช้หม้อหุงข้าวแทนหม้อนึ่งความดันที่มีราคาแพง


ภาชนะที่ใช้เพาะเห็ดถังเช่าสีทอง ใช้ได้ตั้งแต่ถุงพลาสติก กล่องพลาสติก ขวดแก้ว วิธีเพาะใช้ข้าวสาร 1 กิโลกรัม ใส่ลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า แนะนำว่าให้ใช้ข้าวใหม่ ที่ดูดซับน้ำได้น้อย บดวิตามินบี 1 จำนวน 2 เม็ด ให้ละเอียดผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3 เปอร์เซ็นต์ 50 ซีซี น้ำส้มสายชู 5 เปอร์เซ็นต์ 10 ซีซี ลงในขวดพลาสติก ปิดฝาให้แน่น เขย่าให้ส่วนผสมเข้ากันนาน 10 นาที จากนั้นเติมน้ำลงไปให้ได้ปริมาตร 1 ลิตร เทลงในหม้อหุงข้าว และหุงจนข้าวสุก ตักข้าวใส่ภาชนะที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้ว เช่น ขวดโหลแก้ว ถ้วยพลาสติกทนความร้อน รอจนข้าวเย็น เขี่ยเชื้อเห็ดถั่งเช่าสีทองลงไป ปิดภาชนะให้สนิท ควรเขี่ยเชื้อในห้องที่ปิดมิดชิด เพื่อป้องกันเชื้อโรค

จากนั้นนำไปบ่มเก็บไว้ในที่มืดในห้องคุมอุณหภูมิ 22-25 องศาเซลเซียส จนกระทั่งเชื้อเห็ดเดินเติมที่ ก็เก็บไว้ในห้องเย็นที่อุณหภูมิ 15-18 องศาเซลเซียส และให้แสงวันละ 12-14 ชั่วโมง ความเย็นจะกระตุ้นให้เกิดดอก  ส่วนแสงนั้นจะทำให้เห็ดเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง  ดังนั้นเกษตรกรต้องมีห้องเย็นสำหรับเพาะเห็ดชนิดนี้ หลังจากเชื้อเห็ดเดินเต็มที่ ใช้เวลาเลี้ยงอีก 1-2 เดือน ก็สามารถเก็บได้







ขอขอบคุณที่มา:
- www.nstda.or.th
-www.matichon.co.th
-http://news.ch7.com

พบกับพวกเราบน facebook